เรามาดูกันว่าระบบ Traffy API ใหม่เปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง
- เปลี่ยน User Interface โดยรวม
- เปลี่ยนไปใช้ Email ในการ Login แทนใช้ Username
- เพื่อลดขั้นตอนการสมัคร
- เพื่อป้องการการสมัคร User ซ้ำโดยใช้ Email เดียวกัน
- ปรับปรุงวิธีการลงทะเบียนขอใช้ Traffy API (วิธีลงทะเบียนขอใช้ Traffy API)
- การยืนยันตัวตนด้วย SMS เพื่อลดขั้นตอนการสมัคร
- ปรับปรุงวิธีการลงทะเบียน Application เพื่อขอ AppID (วิธีลงทะเบียน Application เพื่อขอ AppID)
- รวม AppID ประเภท Website และ Server IP เข้าด้วยกัน เป็นประเภท Website/ServerIP เพื่อลดความซ้ำซ้อนของการใช้งาน
- ใน AppID ประเภท Website/ServerIP จะมีเฉพาะ AppID (ตัด Key ออก) ทำให้ AppID ประเภท Mobile/Session Key เท่านั้นที่มี AppID และKey เพื่อลดความซ้ำซ้อนของการใช้งาน
- จากเดิม AppID เป็นตัวเลข เช่น 00000069 เป็นตัวหนังสือผสมกับตัวเลข เช่น 65cc4e4c เพื่อป้องกันการเดาลำดับของเลข AppID
- ปรัปปรุงวิธีการ Reset Traffy API password (วิธี Reset Traffy API password)
- Deactivated AppID และ User ที่ไม่มีการเรียกใช้ API เป็นเวลานานกว่า 6 เดือน(ไม่มีการใช้งานตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2555)
- หากนักพัฒนาที่ถูก Deactivated AppID และ User ต้องการจะใช้งาน ให้ทำการลงทะเบียนขอใช้งานใหม่
- แนะนำ User ทุกท่านให้ทำการ Reset Password
- หาก User ถูก Deactivated User หรือ ยังไม่ได้ลงทะเบียนใช้งาน ที่ตอบกลับจากระบบจะแจ้งว่า “ไม่พบ Email ในระบบ ให้ทำการสมัครใช้บริการ”
- ปรับปรุงระบบ API Authentication (วิธีดึงข้อมูลจาก Traffy API ด้วย AppID แต่ละประเภท)
- AppID ประเภท Website/ServerIP ส่งค่า AppID เพียงอย่างเดียวเพื่อใช้งาน API เพื่อลดความซ้ำซ้อนของการใช้งาน
- AppID ประเภท Mobile/Session key ใช้วิธีการ Generate Session Key เหมือนเดิม
- AppID เก่า สามารถใช้วิธีการ Authentication แบบเดิมได้